เครื่องวัดความเร็วลมโดยทั่วไปมีหลายชนิดแต่ในที่นี้จะแบ่งออกได้เป็น 2 ชนิดได้แก่ เครื่องวัดความเร็วลมแบบใบพัด (Vane Anemometer) และเครื่องวัดความเร็วลมแบบ Hotwire ซึ่งแต่ละชนิดมีข้อดี ข้อเสีย ดังนั้นการเลือกใช้ให้เหมาะสมจึงเป็นสิ่งที่ควรพิจารณาอย่างละเอียด

• เครื่องวัดความเร็วลมแบบใบพัด: เป็นเครื่องวัดความเร็วลมแบบคลาสสิกซึ่งปัจจุบันนิยมใช้กันมากไม่เพียง แต่กลางแจ้ง แต่ยังอยู่ในอาคารด้วย การจัดการที่ง่ายดายทำให้สามารถวัดความเร็วของอากาศได้อย่างรวดเร็วโดยใช้เครื่องวัดความเร็วลมแบบใบพัด ใช้สำหรับวัดความเร็วและอัตราการไหลของลมปริมาตรบนเตาอากาศในอาคารที่พักอาศัยและอาคาร ความเร็วของใบพัดหมุนของเครื่องวัดความเร็วลมจะถูกแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้าซึ่งถูกถ่ายโอนไปยังความเร็วลม นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติที่ช่วยให้สามารถบันทึกปริมาณการไหลและอุณหภูมิได้ สิ่งนี้ช่วยให้การวิเคราะห์ข้อมูลและการเปรียบเทียบง่ายยิ่งขึ้น
• เครื่องวัดความเร็วลมแบบ Hotwire: หลักการของเครื่องวัดความเร็วลมแบบลวดร้อนนั้นขึ้นอยู่กับองค์ประกอบความร้อนซึ่งความร้อนถูกสกัดโดยกระแสอากาศที่เย็นกว่า อุณหภูมิของลวดร้อนนั้นจะถูกเก็บไว้อย่างคงที่ผ่านสวิตช์ควบคุมและกระแส (วัดแอมป์ภายใน) เป็นสัดส่วนโดยตรงกับความเร็วลม ข้อดีของเครื่องวัดความเร็วลมแบบ Hotwire คือสามารถวัดความเร็วลมที่มีค่าต่ำๆ ได้